กักตัวอย่างไรให้ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น
กักตัวอย่างไรให้ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น หมอโอภาส กล่าวว่า มาตรการที่จะขัดขวางการแพร่ระบาดให้จบอย่างเร็วที่สุด เพื่อลดปริมาณผู้ติดเชื้อโรครายใหม่
ลดการตายและก็ผลพวงอื่นๆเป็น การปกป้องการได้รับเชื้อแล้วก็ควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ไปไปไกลกกว่านี้
จำเป็นจะต้องปฏิบัติงานด้วยกันทุกฝ่ายไปในหนทางเดียวกันอย่างเข้มข้น
กรมควบคุมโรคก็เลยขอความร่วมมือพลเมืองที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดโรคโควิดระหว่างที่ดำรงชีวิตทุกวัน ขอให้กักบริเวณเองที่บ้านตรงเวลา 14 วัน เป็นตอนๆที่เชื้อฟักตัว
เพื่อดูอาการว่าติดโรคไหม สามารถปฏิบัติงานได้ทั้งยังในบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุด
อย่างเช่น ห้องเช่าห้องชุด อพาร์ตเมนต์ต่างๆอีกทั้งชนิดอยู่ตามลำพังคนเดียว
หรืออยู่ร่วมกับครอบครัวหรือพักร่วมกับคนอื่น สร้างความปลอดภัย อีกทั้งตัวเองและก็คนภายในครอบครัว มีข้อเสนอแนะให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
แนวทาง “กักบริเวณ” ในบ้านตอนโควิด-19 ให้ไม่เป็นอันตราย ไม่เเพร่เชื้อ
ให้จัดสถานที่พัก รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อม ย้ำแยกบ้านพักให้เป็นสัดส่วน เป็นต้นว่าห้องนอน ที่พักผ่อน ถ้าแยกมิได้ บางทีอาจใช้แผ่นกระดาษ
หรือพลาสติกกันห้องเพื่อแบ่งรูปทรงชั่วครั้งชั่วคราว
เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก แยกของใช้ส่วนตัว แยกสุขา แม้แยกมิได้ ให้ใช้เป็นคนในที่สุด
แล้วก็ชำระล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในทันที ชำระล้างทำลายเชื้อเครื่องไม้เครื่องมือข้างในบ้านด้วยน้ำผสมน้ำยาซักผ้า น้ำผสมน้ำยาฟอก หรือแอลกอฮอล์ 70%
กักตัวอย่างไรให้ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น ต้องทำตามเคร่งครัด
- เน้นย้ำการดูแลอนามัยเฉพาะบุคคล โดยล้างมือขัดด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล 70 % ทุกหนก่อนรวมทั้งข้างหลังสัมผัสข้าวของที่จะต้องใช้ร่วมกับบุคคลอื่น ใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลา
ไม่คลุกคลีกับคนอื่นๆ แยกซักเสื้อผ้าเอง และก็ให้งดเว้นการสัมผัสหรือเล่นกับสัตว์เลี้ยงชั่วครั้งคราว - เนื่องมาจากเชื้อไวรัสสามารถติดไปพร้อมกับขนสัตว์ได้ ดังเช่น แยกกินอาหาร แม้ให้คนอื่นหาของกินให้
ทั้งนี้เอง ควรจะระบุจุดรับของกินเพื่อคุ้มครองป้องกันการสัมผัสโดยตรง
กรณีใช้ชักโครก ให้ปิดฝาทุกหนก่อนกดชักโครก เพื่อคุ้มครองปกป้องการแพร่ระบาดเชื้อ ทิ้งขยะในถุงและก็ผูกปากถุงให้แน่นก่อนนำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วๆไป - เฝ้าระวังลักษณะการป่วยตัวเองระหว่างกักบริเวณ โดยใช้ปรอทวัดไข้วันแล้ววันเล่า
และก็พิจารณาอาการแตกต่างจากปกติ ถ้าเกิดพบว่าจับไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
รวมทั้งมีลักษณะไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจไม่สะดวก หอบอ่อนแรง ตาแดง จมูกมิได้กลิ่น
หรือลิ้นไม่รับรส มีผื่นขึ้น ปวดศรีษะ เมื่อยกล้าม ท้องเดิน คลื่นไส้
ขอให้แจ้งข้าราชการสาธารณสุขใกล้บ้านหรืออาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) โดยทันที
เพื่อเข้าระบบการดูแลตามลำดับต่อไป แม้มีคำถามสามารถขอรับคำปรึกษาหารือถึงที่เหมาะสายด่วนควบคุมโรค โทร. 1422